Sponsored Ads

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

นั่งเครื่องบินแล้วหูอื้อ ทำไงดี ?

นั่งเครื่องบินแล้วหูอื้อ ทำไงดี ?

       โดยทั่วไปในเครื่องบินจะปรับระดับความดันไว้เทียบเท่ากับความดันบรรยากาศที่ความสูง 8,000 ฟุต โดยเฉลี่ย เพื่อให้ผู้โดยสารยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เพราะหากปรับความดันมากกว่านี้ โครงสร้างของเครื่องบินจะไม่สามารถรับได้
       แต่ตลอดการเดินทางโดยเครื่องบินนั้น ความดันอากาศอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างจึงอาจทำให้เกิดอาการปวดหู หูอื้อ ซึ่งมักเป็นตอนเครื่องบินร่อนลงมากกว่าตอนบินขึ้น ในช่วงเครื่องบินขึ้นความดันบรรยากาศนั้นจะลดลงเรื่อยๆ ปริมาตรอากาศในหูชั้นกลางจึงขยายตัวขึ้น ไปกดที่เยื่อแก้วหู ทำให้เกิดอาการหูอื้อ หรือปวดหู เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่เครื่องบินลดระดับลงความดันบรรยากาศภายนอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปริมาตรอากาศในหูชั้นกลางไม่ได้รับการปรับตัว เราก็จะมีอาการหูอื้อได้อีก ซึ่งอาการหูอื้อนั้นมักมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงอย่างกระทันหัน หรือในกรณีที่ผู้โดยสารเป็นหวัดขณะโดยสารเครื่องบิน หรือหลับขณะที่เครื่องบินทะยานขึ้นหรือลดระดับลง ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหรือตื้อภายในหู ไม่สบายหูหรือได้ยินเสียงเบาลง

วิธีบรรเทาอาการปวดหูหรือหูอื้อ ทำได้ดังนี้
1.การหาว  เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะสามารถบรรเทาอาการหูอื้อได้ล

การหาว


2.การเกร็งคอ 


การเกร็งคอ

3.เคี้ยวหมากฝรั่ง เนื่องจากการขยับกรามทำให้การระบายอากาศในหูชั้นกลางดีขึ้น (แต่การเคี้ยวหมากฝรั่งทำให้กลืนลมเข้าไปในทางเดินอาหารมากขึ้น อาจทำให้ปวดท้องได้)

เคี้ยวหมากฝรั้ง ลดอาการหูอื้อ
4.กลืนน้ำลาย จะทำให้ท่อ Eustachian ที่อยู่ในหูถูกเปิดออก


การกลืนน้ำลาย



5.บีบจมูก ปิดปากให้สนิทและพยายามพ่นลมออกจากจมูกที่เราบีบ วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้สามารถปรับความดันอากาศภายในหูให้เท่ากับภายนอกได้เป็นอย่างดี (Valsalva maneuver) แต่ไม่แนะนำให้ทำรุนแรง เนื่องจากอาจทำให้ปอด ไปกดที่เส้นเลือดใหญ่ด้านหลัง ทำให้เลือดไปเลียงสมองช้าลง และเกิดอาการเวียนศรีษะได้

การบีบจมูก และพ่นลมออกจากจมูก



ขอบคุณข้อมูลจาก CAAT สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

ข้อมูลจากนิตยสาร 360 ํ ของ AIRASIA


วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

สอนภาษาเขมร (สุรินทร์) หมวดการทำนา


สอนภาษาเขมร (สุรินทร์) หมวดการทำนา


                       (จูง กะ สวัสดี แม ออว บอง ประโอน กรบ กรบ คะเนีย) (แปลได้ว่า สวัสดี แม่ พ่อ พี่ น้อง ทุกๆคนครับ)   สวัสดีครับเพื่อนๆ ช่วงนี้อาจจะเห็นผมมาสอนภาษาเขมรบ่อยหน่อยน่ะครับ พอดีอยากจะเก็บความรู้และภาษาบ้านเกิดไว้ด้วย เพราะปัจจุบันนี้ น้องๆรุ่นใหม่ๆแถวบ้านพูดภาษาไทยกันเกือบหมดแล้ว กลัวภาษาบรรพบุรุษจะสูญหายในเร็ววัน อย่างน้อยจะได้บอกตัวเองว่า ผมเป็นคนที่ไหน เกิดที่ไหน เกิดมาพูดภาษาอะไร ไม่เคยที่จะอายในการพูดภาษาบ้านเกิด ก็ดราม่าตัวเองไปพอสมควรแระ เอาเป็นว่า อยากรักษาภาษาบ้านเกิดไว้ครับ  
                       ในวันนี้ก็เลยอยากจะสอนในหมวด เกี่ยวกับ การทำนา ทำไมถึงอยากสอนหมวดนี้ในวันนี้ 
ก็เพราะการทำนานี่แหละครับ ทำให้ผมโตและเรียนจนได้มาทำงานในทุกวันนี้ เอาเป็นว่ามาเรียนรู้กันเลยดีกว่าครับ  

                      การทำนานั้นจะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งจะได้แบ่งคำศัพท์ต่างๆ ออกไป 2 หัว หลักๆ ดังนี้ 
1.คำศัพนาม
2.คำกิริยา 
ดูเหมือนจะเป็นทางการไปหน่อย แต่ไม่ยากครับ ผมจะสอนเฉพาะคำที่ใช้กันบ่อยๆนะครับ มาเริ่มกันเลย

การทำนา ภาษาเขมรสุรินทร์พูดว่า เทอแซร ไม่ได้หมายถึงการ สร้างที่นาแต่อย่างใด แต่เป็นการทำกิจกรรมทางการเกษตรเพื่อให้เกิดผลผลิต นั่นก็คือ ข้าว (ภาษาเขมรเรียกว่า บาย) ที่เรารับประทานเป็นอาหารหลักนั่นเองครับ

1.คำศัพนาม ที่มีในการทำนา มีดังนี้
   -เราจำเป็นต้องมีคนทำนา คน ภาษาเขมรพูดว่า มนึ๊ แยกให้อ่านง่ายๆ ก็คือ มา นึ๊ หรือ มะ นึ๊
   -เราจำเป็นต้องมี นา หรือที่นา ไว้ทำนา  นา หรือ ที่นา ภาษาเขมรพูดว่า แซร   แยกคำอ่าน คือ ซ แร 
   -ที่นา จำเป็นต้องมีคันนาคั่นระหว่างนา ซึ่ง คันนา ภาษาเขมรพูดว่า พลือ อ่านว่า พะ ลือ หรือ 
พ ลือ พูดยาวๆ ก็คือ พลือ แซร สามารถพูดได้ทั้งสองอย่าง เป็นอันเข้าใจตรงกันครับ
   -การทำนาในสมัยก่อนนั้นจะทำนาได้จะต้องมีน้ำในนา ซึ่งถ้าไม่มีน้ำจะดำนาลำบาก น้ำในนา ภาษาเขมรพูดว่า ตึแซร  อ่านว่า  ตึ ซ แร
   -การไถนาในสมัยก่อน จำเป็นต้องใช้สัตว์ในการไถนา สัตว์ที่คนสุรินทร์นิยมใช้ไถนาคือ กระบือหรือควาย และสัตว์อีกชนิดที่ใช้ไถนาได้เช่นกันก็คือ โค หรือ วัว   ซึ่ง  ควาย ภาษาเขมรพูดว่า กระแบย อ่านได้ดังนี้  กระ แบย   ส่วน วัว นั้น พูดว่า กู   ครับ
   -อุปกรณ์ที่ใช้ไถนา คือ คันไถ ซึ่งภาษาเขมรพูดว่า ภาล  วิธีพูดให้แน้นที่ ล ลิง กระดกลิ้นลากเสียงนิดหนึ่งครับ 
   -เมื่อไถนาแล้วก็ต้องใช้คราดปรับพื้นที่ก่อนทำนา คราด ภาษาเขมรพูดว่า รเนื๊อะ อ่านว่า ระ เนื๊อะ หรือ รา เนื๊อะ ก็ได้
   -หลังจากเราคราดเสร็จแล้วนั้นก็ถึงเวลา ลงมือดำนา แต่การดำนาได้นั้นจะต้องมีต้นกล้า ซึ่ง ต้นกล้า
ภาษาเขมรพูดว่า สน๊าบ  อ่านว่า สะ น๊าบ หรือ ส น๊าบ ก็ได้
   -เมื่อเราทำนาไปสักพักต้นข้าวต้องการสารอาหารในการหล่อเลี้ยงต้นข้าว ซึ่งนั่นก็คือ ปุ๋ย สมัยก่อนนั้นไม่ได้ใช้ปุ๋ยแคมีแต่อย่างใด จะใช้มูลสัตว์ เช่น มูลวัว มูลกระบือ ซึ่งเรียกรวมๆ ก็คือปุ๋ย ครับ 
มูลวัว ภาษาเขมรพูดว่า อัจกู  อ่านว่า อัจ กู  ส่วน มูลกระบือ เรียกว่า อัจกระแบย 
อ่านว่า  อัจ กระ แบย   ปุ๋ย ภาษาเขมรพูดว่า จีร ครับ
   -พอกล้าข้าวที่เราดำเจริญเติบโต เราเรียกว่า ต้นข้าว ซึ่งภาษาเขมรพูดว่า เดิมซรอว อ่านว่า 
เดิม ซา รอว  
   -เมื่อต้นเข้าสะสมอาหารและต้นข้าวเกิดอาการท้อง คล้ายๆคนครับ ต้นจะพองๆ กลางลำต้นไปปลายยอดข้าว ภาษาเขมรเรียกว่า เพิม แปลตรงๆ ก็แปลว่า ตั้งท้อง ครับ
   -เมื่อต้นข้าวออกรวงสวยงามเป็นผลผลิตและสุกพร้อมเก็บเกี่ยว คือ รวงข้าวสุก ซึ่งไม่ได้สุกแบบที่เกิดจากการหุงต้มนะครับ สุก ที่เกิดจากแก่ หรือ งอม นั่นเองครับ  ภาษาเขมรพูดว่า ซรอวตุม  
อ่านว่า ซ รอว ตุม
   -เมื่อรวงข้าวสุกและทำการเก็บเกี่ยวและทำการนวดเสร็จเรียบร้อย มี 3 อย่างที่แบ่งออกมาจากการเก็บเกียวและทำการนวดเสร็จ ก็คือ 1.ข้าวเปลือก ภาษาเขมรพูดว่า ซรอว อ่านว่า ซ รอว  2.ฟาง ภาษาเขมรพูดว่า จเมิง อ่านว่า จะ เมิง หรือ จา เมิง ก็ได้ 3.ข้าวเปลือกเมล็ดที่ลีบ เรียกว่า ซแนย อ่านว่า 
ซา แนย หรือ ซะ แนย 
   -เมื่อได้ข้าวเปลือกแล้วเราจะต้องเอาข้าวเปลือกใส่กระสอบ กระสอบ ภาษาเขมรพูดว่า เบา 
   -เมื่อทำการนวดข้าวแล้วจะต้องมีที่เก็บข้าวเปลือกนั่นก็คือ ยุ้งข้าว ภาษาเขมรพูดว่า ยุง
   -หากเราจะนำข้าวมาหุงได้นั้นจะต้องทำการสีข้าวเพื่อให้ได้เป็นข้าวสารออกมาก่อน ซึ่ง ข้าวสาร ภาษาเขมรพูดว่า อังกอร์  อ่านว่า อัง กอร์ 
   -เมื่อทำการหุงข้าวสารสุกแล้ว จะเกรียกข้าวสารที่สุกว่า ข้าว นั่นเองครับ ภาษาเขมรพูดว่า บาย
มาดูวีดีโอประกอบการพูดกันด้วยน่ะครับ เพื่อการพูดออกเสียงที่พูก



นี่เป็นคำศัพท์บางส่วนเท่านั้นที่นิยมใช้กันครับ ซึ่ง ต่อไปจะเป็นคำกิริยา ซึ่งเมื่อเราจะใช้ในการพูดได้นั้น จะต้องมี ประทาน กิริยา และกรรม ซึ่ง คำศัพท์ด้านบนนี้ จะเป็นทั้ง ประทาน และกรรมก็ได้ครับ ต่อไปมาเรียนคำกิริยากันต่อเลยครับ

2.คำกิริยา ในการทำนา มีดังนี้
   -ทำนา ภาษาเขมรพูดว่า เทอร์แซร  อ่านว่า เทอร์ ซ แร
   -ไถนา ภาษาเขมรพูดว่า ปจูรแซร อ่านว่า ปา จูร ซ แร
   -คราด ภาษาเขมรพูดว่า เรื๊อะ  
   -ถอนกล้า ภาษาเขมรพูดว่า ด๊อะสน๊าบ  อ่านว่า ด๊อะ ส น๊าบ
   -ดำนา ภาษาเขมรพูดว่า สตูงแซร อ่านว่า สะ ตูง ซ แร
   -ใส่ปุ๋ย ภาษาเขมรพูดว่า ดะจีร  อ่านว่า ดะ จีร
   -เกี่ยวข้าว ภาษาเขมรพูดว่า โจรดซรอว อ่านว่า จ โรด ซ รอว
   -นวดข้าว ภาษาเขมรพูดว่า บ๊อะสรอว  
   -กรอกข้าวเปลือก ภาษาเขมรพูดว่า จร๊อะซรอว อ่านว่า จ ร๊อะ ซ รอว
   -สีข้าว ภาษาเขมรพูดว่า เก็นซรอว  อ่านว่า เก็น ซ รอว
   -หุงข้าว ภาษาเขมรพูดว่า ตนำบาย อ่านว่า ตา นำ บาย
แถมให้อีกคำครับ ทานข้าว ภาษาเขมรพูดว่า โฮบบาย อ่านว่า โฮบ บาย หรือจะใช้ ซี บาย ก็ได้ครับ
มาดูวีดีโอประกอบการพูดไปด้วยนะครับ




หวังว่าโพสต์นี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยน่ะครับผม หากมีข้อสงสัย หรือมีข้อเสนอแนะ สามารถคอมเมนต์ไว้ใต้โพสต์ หรือเข้าไปดูวีดีโอเพิ่มเติมได้ที่ช่อง YOUTUBE ของผมนะครับ
ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านและรับชมครับผม